คำพูดของ รองประธานของเฟซบุ๊ค ที่เคยกล่าวเอาไว้ว่าภายในปี 2021 บน News feed ของคุณจะมีคอนเทนท์ในรูปแบบวิดีโอแทบทั้งหมด ก็พอจะยืนยันความมาแรงของ คอนเทนท์แบบวิดีโอ ที่ยังคงได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่องอยู่ในขณะนี้ ถึงแม้ว่าเทรนด์ไลฟ์สดจะกำลังมาแรง แต่ก็ไม่ใช่ว่ากระแสวิดีโอจะดับไปแต่อย่างใด
เพราะคนเราชอบภาพเคลื่อนไหวมากกว่าตัวอักษรหรือภาพนิ่งๆ วีดีโอที่ทำออกมาได้ดีจะสามารถสร้าง Engagement ให้คุณได้อย่างมากมายแน่นอน
เพราะฉะนั้นวันนี้มาทำความรู้จักกับโปรแกรมตัดต่อวิดีโอหลากหลายรูปแบบให้คุณสามารถเลือกใช้โปรแกรมแบบที่เหมาะสมกับสไตล์ของตัวเองกันเถอะค่ะ
1. Windows Movie Maker
ราคา : ฟรี
เริ่มจากโปรแกรมเบสิกพื้นฐานของ Windows ที่ไม่น่าจะมีใครที่ไม่รู้จักกันก่อนเลยค่ะ ข้อดีของมันคือการใช้งานที่ง่ายสุดๆ สามารถทำความเข้าใจได้เร็ว หัดได้นเวลาไม่นาน ที่สำคัญคือมันยังฟรีอีกด้วย ส่วนข้อด้อยคือเมื่อเทียบกับโปรแกรมอื่นๆแล้ว เจ้า Windows Movie Maker นี้มีฟีเจอร์และความสามารถในการปรับแต่งที่ด้อยกว่าค่อนข้างมากเลยทีเดียว
2. Vegas
ราคา : $49.95 สำหรับ Vegas Movie Studio, $79.95 สำหรับ Vegas Movie Studio Platinum, $139.95 สำหรับ Vegas Movie Studio Suite, $399 สำหรับ Vegas Pro Edit, $599 สำหรับ Vegas Pro และ $799 สำหรับ Vegas Pro Suite
หลายๆคนน่าจะเคยคุ้นชื่อเจ้าโปรแกรมตัดต่อบน Windows ที่เคยเป็นของ Sony ตัวนี้มาก่อนใช่มั้ยล่ะคะ ข้อดีของ Vegas คือมันเหมาะสำหรับนักตัดต่อทุกระดับตั้งแต่มือสมัครเล่นไปจนถึงมือโปร มีรุ่นให้เลือกใช้หลากหลาย มีฟีเจอร์มากมายให้ใช้ แต่ข้อด้อยก็คือราคาที่แพงมากๆของมันนั่นเองค่ะ
3. Adobe Premier Pro
ราคา : 900 บาท/เดือนสำหรับแพคเกจรายเดือน และ 600 บาท/เดือนสำหรับแพคเกจรายปี
มาต่อกันที่โปรแกรมจากผู้พัฒนาชื่อดังที่ไม่มีใครไม่รู้จักอย่าง Adobe กันเลยค่ะ ข้อดีคือของเจ้า Adobe Premier Pro คือใช้ได้ทั้งระบบ Mac และ Windows แถมมันสามารถทำงานร่วมกับโปรแกรมอื่นๆในตระกูล Adobe ได้ เช่น Adobe Photoshop และ Adobe After Effect ซึ่งก็ทำให้สามารถทำงานได้สะดวกสบายและรวดเร็วขึ้นอีกหลายขั้นตอนเลยทีเดียว แต่ข้อเสียคือเจ้าโปรแกรมนี้มีให้เลือกใช้แค่แบบรายเดือนเท่านั้น ไม่มีแบบซื้อขาดแบบโปรแกรมอื่นๆค่ะ
4. LightWorks Pro
ราคา : $24.99/เดือน และ $174.99/ 2 ปี หรือซื้อขาดในราคา $437.99
มาแปลกแหวกแนวกว่าใครกับโปรแกรมนี้ที่สามารถใช้งานได้ทั้ง Windows, Mac และ Linux ข้อดีคือมีฟีเจอร์ที่เยอะและครบครัน แถมที่ดีไปกว่านั้นคือตัว Freetrial สามารถใช้งานได้เทียบเท่าตัวเต็ม แต่ Export ไฟล์ออกมาได้อย่างจำกัด ส่วนข้อด้อยคือมันค่อนข้างซับซ้อนและอาจจะใช้งานยากอยู่ซักหน่อย แถมราคาของมันยังค่อนข้างที่จะแพงค่ะ
5. Filmora Video Editor
ราคา: $29.99/ปี (สำหรับ Windows) และ $34.99/ปี (สำหรับ Mac) หรือซื้อขาดในราคา$49.99
เป็นอีกหนึ่งโปรแกรมที่น่าสนใจจากผู้พัฒนาที่มีชื่อว่า Wondershare โดยสามารถใช้งานได้ทั้งในระบบ Mac และ Windows และยังมี Application ในมือถือทั้ง iOS และ Androids อีกด้วยค่ะ ข้อดีคือมันใช้งานได้ง่าย หน้าตาโปรแกรมค่อนข้างที่จะสวยงามและมีราคาที่ไม่แพงมากมายเหมือนโปรแกรมอื่น แต่ข้อด้อยคือเมื่อเทียบกันแล้ว เจ้า Filmora Video Editor ออกจะมีฟีเจอร์ที่น้อยกว่าอยู่พอสมควรเลยค่ะ
6. Final Cut Pro
ราคา: $299.99
สำหรับ Final Cut Pro นั้นเป็นโปรแกรมที่จำกัดการใช้งานเฉพาะในระบบ Mac เท่านั้น แถมยังถูกนำไปใช้ในกระบวนการการตัดต่อหนังดังๆที่เราคุ้นหูกันดีหลายๆเรื่องอย่างเช่น 300 หรือ X-MEN 4 Origins Wolverine อีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าการันตีความครบครันในด้านฟีเจอร์ประหนึ่งมีสตูดิโอตัดต่อหนังเป็นของตัวเองเลยทีเดียว ส่วนข้อด้อยคือสำหรับมือใหม่หัดตัดต่อแล้ว เจ้าโปรแกรมนี้อาจจะใช้งานยากและหน้าตาดูไม่เป็นมิตรอยู่ซักหน่อย เพราะฟีเจอร์เค้ามีเยอะจัดหนักจัดเต็มกันจริงๆ แถมราคาของมันยังจัดว่าแพงมากๆอีกด้วย
7. iMovie
ราคา: ฟรี
ปิดท้ายกันที่โปรแกรมพื้นฐานของฝั่ง Mac กันบ้าง ซึ่งก็ไม่ใช่แค่ Mac แต่ยังรวมไปถึง Device ต่างๆของ Apple ด้วย ซึ่งน่าจะนับได้ว่าเจ้า iMovie เป็นโปรแกรมที่ใช้งานง่ายติดอันดับ Top เลยทีเดียว โดยมีเครื่องมือการตัดต่อพื้นฐนครบถ้วนม่ว่าจะเป็นการเร่งสปีด ใส่เพลง ใส่ตัวอักษร หรือการเชื่อมวิดีโอ แต่ข้อเสียของมันก็ไม่ต่างอะไรกับ Windows Movie Maker ซักเท่าไหร่คือมันไม่ค่อยจะมีฟีเจอร์ที่หวือหวาเหมือนโปรแกรมระดับมือโปรอื่นๆค่ะ
จะสังเกตได้ว่ายิ่งแต่ละโปรแกรมมีฟีเจอร์น้อยเท่าไหร่รราคาของมันก็ยิ่งถูกลงเท่านั้น ยิ่งมีฟีเจอร์มากมันก็จะยิ่งแพงตามกันไป คุณสามารถเลือกซื้อเลือกใช้โปรแกรมที่เหมาะกับตัวเองได้ง่ายๆจากการคำนึงถึงสไตล์การใช้งานและการตัดต่อวิดีโอของคุณ ว่ามีความต้องการในการใช้งานที่หลากหลายถึงขั้นไหนค่ะ