ทุกวันนี้การขายของแบบ E-Commerce เป็นเรื่องที่แพร่หลายกันจนเป็นเรื่องปกติ การขายของผ่านหน้าเพจเฟซบุ๊คอย่างเดียวอาจจะมีข้อจำกัดเยอะ เราก็จะขยับขยายมามี เว็บไซต์ขายของ กันเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่เราจะมีกลเม็ดเคล็ดลับอย่างไรบ้างเพื่อที่จะ ทำเว็บไซต์ขายของ อย่างไรที่ไม่ได้คำถึงเพียงแค่ความสวยงามแต่ยังใช้งานง่าย เรียกลูกค้าใหม่ รักษาลูกค้าเดิมไม่หนีไปไหน ดึงประสิทธิภาพที่แท้จริงของ เว็บไซต์ขายของ ออกมาใช้ประโยชน์ให้ได้สูงสุด!! ตามมาดูกันเลยค่ะ
1. วางกล่องค้นหาเอาไว้ชัดๆ
ไม่มีคนมานั่งไล่ดูสินค้าทั้งหมดที่เราขายกันทุกครั้งแน่ๆ ลูกค้าส่วนใหญ่มักมีสิ่งที่ต้องการอยู่ในใจแล้ว การวางกล่องค้นหาให้มองเห็นได้ชัดๆใช้งานได้ทันทีถือเป็นการอำนวยความสะดวกที่ให้ลูกค้าไม่หงุดหงิดเวลาใช้งานเว็บไซต์ของเรา
2. มีออปชั่นให้ลูกค้าเลือก
คนยุคนี้ส่วนใหญ่ค่อนข้างใจร้อนเมื่อเป็นเรื่องบนอินเทอร์เน็ต มาช่วยลูกค้าประหยัดเวลาในการเลือกซื้อด้วยการมีออปชั่นให้เลือกในกาารับรองสิ่งที่ต้องการ เช่น ถ้าขายเคสโทรศัพท์ ก็ควรมีออปชั่นให้เลือกว่าเป็นยี่ห้อใด เป็นแบบซิลิโคน หรือแบบพลาสติก เป็นต้น
3. ย้อนกลับได้ง่าย
ต่อจากข้อที่แล้ว ยกตัวอย่างกรณีที่ลูกค้าเลือกเคสแบบพลาสติกแล้วยังไม่เจอแบบที่ถูกใจ อยากจะลองดูเคสซิลิโคน ก็ควรจะมีปุ่ม Back หรือปุ่มย้อนกลับให้ลูกค้าได้กลับไปเลือกใหม่ได้อีกครั้งอย่างรวดเร็วทันใจนั่นเองค่ะ
4. เมนูใช้งานง่าย
ยิ่งเรามีของที่ขายเยอะ เว็บขนาดใหญ่ ซอยหมวดหมู่ของสินค้ามากเท่าไหร่ ยิ่งต้องวางแผนการทำเมนูเว็บให้เข้าใจง่าย ใช้งานไม่ยากได้มากขึ้นเท่านั้น การจัดระเบียบให้ดูเข้าใจง่าย โดยอาจจะมีสิ่งที่เรียกว่า Breadcrumb หรือการไล่เรียงหมวดหมู่ย่อยไปเรื่อยๆ อย่างเช่น Case > Tablet > iPad > iPad Air 2 นั่นเองค่ะ
5. รถเข็น/ตะกร้าสินค้าชัดเจนหาเจอง่าย
ถ้าเราดูแบบอย่างจากเว็บขายสินค้าขนาดใหญ่เราจะสามารถสังเกตได้ว่าเว็บพวกนี้จะทำให้เราเห็นได้ง่ายว่าเรามีสินค้าอยู่ในเจ้ารถเข็นนี่กี่ชิ้นแล้ว รวมราคาเป็นเท่าไหร่บ้าง โดยเลี่ยงที่จะลิ้งค์ลูกค้าไปยังหน้ารวมสินค้าในตะกร้าล้วนๆให้มากที่สุดเพื่อให้การจับจ่ายสินค้าไม่สะดุดนั่นเอง
6. ใช้ภาพ HD ชัดแจ๋ว
ถ้าภาพสินค้าของเรามีความชัดเจน สวยงาม มองเห็นสินค้าได้ดี หรือมีหลายๆมุม แน่นอนว่ามันจะเชิญชวนให้ลูกค้าอยากซื้อสินค้าของเราได้มากว่าภาพเล็กๆมืดๆ พิกเซลแตกเป็นเม็ดๆแน่นอนค่ะ
7. บอกสต็อคสินค้าว่าหมดหรือยัง
ไม่มีใครอยากจะมาหาสินค้าที่ตัวเองชอบจนเจอ กดสั่งซื้อ กรอกรายละเอียดจัดส่ง เพื่อที่จะมาทราบในหน้าสุดท้ายว่าสินค้าได้หมดไปจากสต็อคไปแล้วหรอกค่ะ แทนที่ลูกค้าจะเปลี่ยนไปซื้อสินค้าอื่นที่ใกล้เคียงกันแทน จะกลายเป็นว่าลูกค้ากดปิดเว็บเราไปซื้อเว็บอื่นแทนน่ะสิคะ เพราะฉะนั้นเราจึงควรแจ้งสต็อคสินค้าให้ชัดเจนค่ะ
8. บอกราคาจริงๆ ไม่บวกเพิ่มทีหลัง
คงเป็นการสร้างความประทับใจที่ไม่ดีนักหากต้องมาพบทีหลังว่าสินค้าที่สั่งไปถูกชาร์ตเพิ่มนู่นนี่นั่นอีกสารพัด อ้าว ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่นา! ทางที่ดีควรจะพยายามแสดงให้ลูกค้าเห็นตลอดเวลาค่ะว่าเมื่อรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้วเขาจะต้องจ่ายเงินทั้งหมดเท่าไหร่
9. ไม่ต้องรกมาก
เราไม่ควรทำให้เว็บไซต์ของเรารกโดยไม่จำเป็น อัพเดทใส่เพิ่มแค่สิ่งที่เรารู้ว่ามันดีกับเว็บไซต์ของเราจริงๆได้ก็พอ เราควรให้ลูกค้าโฟกัสที่สินค้ามากที่สุด จึงไม่ควรใส่อะไรเพิ่มเข้าไปเยอะแยะซึ่งจะเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจลูกค้าไปหาอย่างอื่นแทนสินค้าของเราซะเองค่ะ
10. ที่อยู่ติดต่อได้ เห็นชัดเจน
ความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญในการเลือกซื้อสินค้าออนไลน์เลยค่ะ เราควรแสดงความจริงใจให้ลูกค้าได้เห็น อย่างน้อยก็ให้ลูกค้าเชื่อใจได้ว่าเจ้าของเว็บไซต์นี้มีตัวตนอยู่จริง สามารถติดต่อได้จริงๆ ไม่ใช่เว็บฉ้อโกงหลอกขายของออนไลน์ค่ะ
11. SEO ดีก็ซื้อง่ายขายคล่อง
ควรศึกษาเพื่มเติมเกี่ยวกับ การทำ SEO เพื่อให้ลูกค้าสามารถค้นเจอเว็บไซต์ของเราผ่านหน้า Google ได้ เรียนรู้ว่ามันคืออะไร ควรใช้เมื่อไหร่ ปรับแต่งอะไรได้บ้าง ฯลฯ ถ้าเราสามารถถูกค้นเจอผ่านกูเกิลได้ก็ถือว่ายอดเยี่ยมไปเลย เป็นอีกช่องทางที่ดีที่ลูกค้าจะเพิ่มขึ้นค่ะ
12. ลูกค้าเก่าการันตี!!
อย่างที่เคยบอกไปค่ะว่าความน่าเชื่อถือนั้นสำคัญมากสำหรับ E-Commerce การมีคำยืนยันจากลูกค้าหรือรีวิวจากผู้ที่เคยใช้บริการมาก็ถือเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือได้ดี เรียกลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นได้ด้วยนะคะ
13. แชร์ลงโซเชียลได้ด้วยนะ
ยุคสมัยที่หลายๆอย่างถูกขับเคลื่อนได้ด้วยโลกโซเชียลแบบนี้เราไม่มีวันรู้เลยว่าเราจะมีโอกาสดีๆในการถูกแชร์ต่อเป็นไวรัลเมื่อไหร่ เพราะอะไรอาจจะฮิตขึ้นมาตอนไหนก็ได้ทั้งนั้น ความสะดวกรวดเร็วในการแชร์ลงโซเชียลเน็ตเวิร์คได้ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งคีย์ในการที่จะไม่ปล่อยให้โอกาสดีๆหลุดมือไปค่ะ