การทำเว็บไซต์นี่เรื่องความเร็วถือเป็นอะไรที่สำคัญมากเลยนะค่ะ เพราะต่อให้เนื้อหาดี ออกแบบสวย น่าใช้งานขนาดไหน แต่โหลดช้าเป็นเต่าคลานก็คงไม่มีใครอยากเข้ามาใช้งานหรอก
ดังนั้นสำหรับใครที่มีเว็บไซต์เป็นของตัวเองและอยากเพิ่มความเร็วให้เลเวลอัพแบบติดจรวด เรามาทำ 5 วิธีนี้ไปพร้อม ๆ กันเลยดีกว่า
-
Hosting ที่ดีมีผล
ต้องใส่ใจตั้งแต่ Hosting เลยนะครับ กับการทำเว็บไซต์ให้ไวขึ้นเนี่ย เพราะ Hosting เป็นที่ที่เราเอาไว้ฝากข้อมูลทุกอย่าง ถ้า Hosting นั้นไม่ดี ทุกอย่างก็จบ ดังนั้นก่อนจะลงหลักปักฐานกับ Hosting เจ้าไหน ก็ให้ศึกษากันให้ดี ๆ ด้วยล่ะ
-
ใช้ Plugin เพิ่มประสิทธิภาพ
เราควรจะใช้ Plugin เท่าที่จำเป็นเท่านั้นพอครับ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เราโหลด Plugin มามากเกินไป แน่นอนว่ามันมีผลกระทบต่อความเร็วเว็บไซต์ และเราก็ไม่รู้ด้วยว่า Plugin ตัวไหนจะปลอดภัยหรือไม่ปลอดภัย เพราะใครเป็นคนพัฒนาขึ้นมาก็ไม่รู้ ดังนั้น เอาแค่เท่าที่จำเป็นและต้องใช้งานจริง ๆ ก็พอ เช่น Yoast SEO, UpdraftPlus หรือ Easy Social Share Buttons
-
ลดขนาดภาพทุกครั้งก่อนโพสต์
รูปภาพจะช่วยให้เว็บไซต์ดูสวยงามขึ้น แต่อีกนัยหนึ่งมันก็ทำให้เว็บไซต์ช้าลงเช่นกัน ดังนั้นอย่าได้โพสต์ภาพแบบเต็มขนาดเด็ดขาดเลยนะค่ะ เพราะบางรูปอาจมีขนาดไฟล์สูงถึง 10 mb เลยก็ได้
ดังนั้นให้บีบอัดไฟล์ภาพทุกครั้งด้วยโปรแกรม Tinypng หรือ Kraken แค่นี้ก็ช่วยให้เว็บไซต์เราไวขึ้นเป็นกองแล้ว
-
อย่าดึงสไลด์แชร์มาใส่บนเว็บไซต์มั่วซั่ว
บางคนเห็นว่าข้อมูลสไลด์แชร์ของเว็บอื่นดีก็อยากจะดึงเข้ามาไว้บนเว็บไซต์ของตัวเอง แต่จำไว้นะค่ะ ว่าเราไม่รู้ว่ารูปของเค้าขนาดเท่าไหร่ และเว็บไซต์ของเค้ามันช้าแค่ไหน ถ้าดึงมาใช้อาจทำให้เว็บเราช้าขึ้นกว่าเดิมได้เลย
ดังนั้นจะให้ดีก็หาโหลดรูปภาพฟรีมาปรับขนาดและทำคอนเทนต์ใหม่ขึ้นมาเองดีกว่า
-
ใช้ Plugin ช่วยเก็บ Cache
การเก็บ Cache จะทำให้คนโหลดเว็บไซต์ของเราได้ไวสุด ๆ เพราะระบบจะจำทุกอย่างที่เค้าเคยเข้าเอาไว้ และไม่ทำการโหลดของเก่าซ้ำ ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาเหมือนที่ผ่าน ๆ มา โดยตัวช่วยตรงนี้ขอแนะนำให้ใช้ WP Super Cache ที่สร้างโดย WordPress เพราะนอกจากจะทำให้เว็บไซต์ไวขึ้นแล้ว มันยังใช้งานง่าย แถมฟรีอีกด้วย
สำหรับใครที่อยากจะลองเช็กความเร็วเว็บไซต์ของตัวเองดูว่าช้าหรือเร็วแค่ไหนก็สามารถเข้าไปทดสอบได้เลยค่ะที่ 3 เว็บไซต์นี้ คือ GTMetrix, Pingdom และ WebPageTest ที่ต้องให้ไว้หลาย ๆ เว็บไซต์เพราะแต่ละที่ก็มีตัวแปรที่ไม่เหมือนกัน
ดังนั้นเราตรวจสอบจากหลาย ๆ ตำแหน่งและดูค่าเฉลี่ย แค่นี้ก็ทำให้รู้ได้แล้วว่าตอนนี้เว็บไซต์ของเราเลเวลอัพขึ้นหรือยัง